สนามบอลโลก

วันอาทิตย์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ขี้จุ๊เบเบ้ ขี้จุ๊ตาลาลา


คงต้องขออัญเชิญบทเพลงของพี่เบิร์ดมาจั่วหัวเพื่อความเป็นสิริมงคลกันสักนิด



แบบว่าร้องกรอกใส่หู เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ไปเลยก็ไหนยืนยันว่า แมนฯ ยูไนเต็ด จะไม่ซื้อใครแล้วไง

แล้วน้อง เบเบ้ ล่ะ จู่ๆก็เซ็นเข้ารังแบบไม่กระโตกกระตาเฉยเลยนะ

อย่างนี้มันขี้จุ๊เบเบ้ ขี้จุ๊ตาลาลานี่หน่า

เป็นอันว่าช่วงเปิดตลาดซัมเมอร์นี้ ปีศาจแดงคว้านักเตะใหม่มาร่วมทัพทั้งหมดสามรายแล้วนะครับ

อันประกอบไปด้วย "น้องคริส" คริส สมอลลิ่ง , "น้องชิชา" ฮาเวียร์ "ชิชาริโต้" เอร์นานเดซ แล้วมาจบที่ "น้องเบเบ้" ติอาโก้ มานูเอล ดิอาส คอร์เรอา

เอ่ยชื่อ "เบเบ้" ที่ฟังแล้วชวนให้นึกไปถึงสาวน้อยหน้าใสคิกขุอาโนเนะ เลยอยากรู้นักว่ากองหน้าตัวใหม่สัญชาติโปรตุกีสของถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด จะมีหน้าตาที่หล่อเหลาเอาการหรือเป็นหนุ่มน้อยหน้าใสสมชื่อหรือไม่

แต่พอได้เห็นโฉมหน้าของเบเบ้สมาชิกใหม่ทีมอสูรแดงเท่านั้นแหละคุณเอ๋ย อยากแนะนำให้น้อง เบเบ้ ธันย์ชนก ฤทธินาคา รีบไปเปลี่ยนชื่อเล่นด่วนเลย

ก็โอ้โห เบเบ้ของผีแดงหน้าอย่างโหด กร้านโลกสุดๆเลยครับพี่น้อง

ราวกับว่าพี่แกผ่านการใช้ชีวิตในคุกมานานหลายปีจนผู้คุมยังต้องยกมือไหว้ยังไงยังงั้น

แล้วพอมีการเปิดเผยถึงประวัติของน้องใหม่รายนี้ ก็ปรากฏว่าแกพร้อมเป็นนายแบบปกหนังสือ "ชีวิตต้องสู้" ได้เลยเพราะตรงตามคอนเซ็ปท์เป๊ะๆ

บ้านแตกสาแหรกขาด พ่อไปทางแม่ไปทางตั้งแต่ยังเล็ก

แถมไม่มีบ้านเป็นของตัวเองจนต้องพำนักอยู่ในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าอะไรประมาณนั้น

ชีวิตมันจะลำบากอะไรขนาดนั้นก็ไม่ทราบ

แต่ทั้งนี้ก็ไม่เกินความพยายามของผีแดงที่อุตส่าห์ไปพบเจอกองหน้าทีม วิตอเรีย กิมาไรซ์ ในลีกฝอยทองตามคำแนะนำของ คาร์ลอส เคยรอช อดีตผู้ช่วยของป๋า

และก็นี่แหละ กลยุทธ์ในการล่านักเตะของแมนฯ ยูไนเต็ดเขาล่ะ

ไอ้พวกที่ตกเป็นข่าวลือกับผีแดง ไม่มีวันซะหรอกที่จะเป็นความจริง

แต่ดูเอาซิ นักเตะอย่างสมอลลิ่ง , เอร์นานเดซ และเบเบ้ถามหน่อยว่ามีสื่อฉบับใหม่ล่วงรู้ความเคลื่อนไหวของอสูรร้ายมาก่อน

ตอบได้เลยว่าไม่มีเพราะแมนฯ ยูไนเต็ดปิดข่าวได้เงียบเชียบดีแท้จนนักข่าวต้องเต้าข่าวถึงนักเตะคนโน้นคนนี้แบบมั่วซั่วไปหมด แต่ไม่เป็นจริงสักราย

อย่างไรก็ดี ว่ากันว่าค่าตัวของนายเบเบ้นี่แพงเอาการไม่เบาเลยนะ

ทั้งๆที่ยังออกจะโนเนม แต่วิตอเรียฟันเงินจากแมนฯ ยูไนเต็ดไปตั้งเจ็ดล้านปอนด์เห็นจะได้

กระนั้นก็เถอะ ถ้าย้ายมาแล้วแววดีเหมือนชิชาริโต้ก็โอเคล่ะ

ถึงตอนนี้ยังต้องรอลุ้นอีกเล็กน้อยว่าเบเบ้จะตรวจร่างกายกับแมนฯ ยูไนเต็ดผ่านหรือไม่

เห็นหุ่นกำยำล่ำสันเป็น "นิวดร็อกบา" แบกข้าวสารได้ทีเดียวสองกระสอบแบบนั้น ถ้าไม่ผ่านก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว

ซอฟท์ดริ๊งค์ สุดสัปดาห์


สุดสัปดาห์นี้ แฟนบอลต่างประเทศกลับมามีความสุขกันอีกครั้งนึง เมื่อโปรแกรมต่างๆ เริ่มกลับเข้าที่เข้าทาง



โดยเฉพาะเกม คอมมูนิตี้ ชีลด์ คืนวันอาทิตย์ระหว่าง เชลซี กับ แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นเกมที่มีความหมายมาก

หลายคนอยากเห็น ชิชาริโต้ ในชุดปีศาจแดง จะจี๊ดจ๊าดแค่ไหน จะเหมือนตอนฟุตบอลโลกที่เล่นให้เม็กซิโกหรือไม่? แค่นั้นก็ดีถมถืดแล้ว จะได้เป็นตัวแทนของ โรนัลโด้ ซะที

ดูเอาเถอะ ฤดูกาลที่แล้วขาดเจ็ทโด้เหมือนขาดใจ ชวดแชมป์รายการหลักไป 3 รายการ ได้มาแค่ มิคกี้เมาส์ คัพ เสียหน้าพอสมควร เพราะตั้งเป้าจะเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีก 4 สมัยติด แล้วก้าวขึ้นไปเป็นเบอร์ 1 ของประเทศด้วยจำนวนแชมป์ 19 สมัย

เซอร์ อเล็กซ์ ต้องหากลยุทธ์ในการปรับแก้ให้ทีมกลับมาเล่นได้ดีขึ้น แหม! นักเตะอย่าง เบอร์บาตอฟ, คาร์ริค หรือ วิดิช ไปมัวออกทะเลอยู่ไหน แมนฯยูฯโดนเชลซีแซงเป็น "ดับเบิ้ลแชมป์" เลยซิครับ

งานนี้เสียหน้าสุดๆ ผู้มาใหม่อย่าง คาร์โล อันเชล็อตติ นำทีมชนะแมนฯยูฯตั้งแต่ คอมมูนิตี้ ชีลด์ ปีที่แล้ว จากนั้น 2 นัดเหย้า-เยือน เชลซี ก็เอาชนะ แมนฯยูฯ ได้ทั้งหมด เรียกว่าเป็นการปราบเซียนที่ขาวสะอาดหมดจด

ปีทั้งปีแมนฯยูฯเพลี่ยงพล้ำเชลซีมาตลอด เจ็บใจวุ้ย

เที่ยวนี้แหละขอโอกาสในการแก้มือ ล้างแค้นกันหน่อย แม้ศักดิ์ศรีจะดูเป็นรองเล็กน้อย เพราะตัวเองมาแข่งในฐานะรองแชมป์พรีเมียร์ลีก แต่เชลซีเป็นถึงดับเบิ้ลแชมป์แน่ะ

แมนฯยูฯจึงขอโอกาสในการพลิกล็อคเอาชนะไปเลย

ไม่ว่าผลการแข่งขันจะเป็นอย่างไร ระหว่างสิงห์บลูกับปีศาจแดงจะต้องตามล้างตามเช็ดกันไปตลอดแน่นอนในการเบียดลุ้นแชมป์ทุกรายการ โดยราคาหน้าเสื่อของการคว้าแชมป์ทั้ง ชปล., พรีเมียร์ลีก คู่นี้ใกล้เคียงกันมาก ออกเบียดชนิด 10-9 ต้องแย่งกันรอง

สิ่งนึงที่จะทำให้เกิดความแตกต่างระหว่าง 2 ทีมนี้คือ "การทุ่มซื้อตัว" ในช่วงเวลาที่เหลืออยู่ทั้ง 3 สัปดาห์เศษๆ ว่าจะมีทีมใดลงทุนอีก 40-50 ล้านปอนด์ดึงผู้เล่นระดับพระกาฬเข้ามาเสริมโหงวเฮ้งอีกหรือไม่?

ถ้ามีสักทีมดึงซูเปอร์สตาร์เข้ามาอีกคน นั่นแหละจะทำให้ทีมนั้นได้เปรียบขึ้นมาทันที อาจดูเป็นต่อและคงมีโอกาสคว้าแชมป์สูงขึ้นอีกนิด

ดังนั้นดรรชนีของตลาดนักเตะยังมีความหมายอยู่ โดยเฉพาะเชลซีมีข่าวว่าหลังจากซิว รามิเรซ กองกลางบราซิเลี่ยนแล้ว มีแผนที่จะซื้อกองหน้าอีกคน หากเป็นแบบนั้นจริง เชลซีก็จะผงาดขึ้นเป็น "เต็ง 1" เหนือยูไนเต็ด

อย่ากระนั้นเลย เซอร์ อเล็กซ์ ขยับตัวอีกทีดีกว่า

ม้าสองตัว


ด้วยความที่คนอังกฤษชอบกีฬาแข่งมา ทำให้พวกเขาพลอยเปรียบเทียบการแข่งขันรายการอื่นๆเป็นม้าตามไปด้วย



ไม่เว้นแม้แต่การแข่งขันฟุตบอล ที่พวกเขาก็มักจะนำม้ามาเปรียบเทียบกับทีมที่มีโอกาสลุ้นแชมป์

อย่างการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาลใหม่นี้ ทางอังกฤษเขามองไว้แล้วว่าจะมีม้าเพียงแค่สองตัว

คือม้าสีแดง กับม้าสีน้ำเงิน ที่เพิ่งจะลงเตะชิมลางกันไป ในศึกชิงโล่การกุศลเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

และในการชิมลางกันครั้งแรกนี้ ม้าสีแดงอย่าง แมนฯยูไนเต็ด ก็เป็นฝ่ายเอาชนะม้าสีน้ำเงินอย่าง เชลซี ไปได้ก่อน

โดยส่วนตัวผมก็เห็นด้วยครับ ที่การชิงชัยในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ จะมีลุ้นกันเพียงแค่ม้าสองตัวนี้ เพราะว่าม้าตัวอื่นๆดูจะแพ้ตั้งแต่ยังไม่ออกสตาร์ทแล้ว

เห็นฟอร์มของทั้งแมนฯยู และเชลซีในเกม คอมมิวนิตี้ ชิลด์ แล้ว ยอมรับว่าทีมอื่นๆอย่าง อาร์เซน่อล หรือว่า ลิเวอร์พูล ยังทาบสองทีมนี้ไม่ติด

แม้ว่าทั้งปีศาจแดง และทีมเศรษฐีลอนดอน จะแทบไม่มีการเสริมทัพเลยในฤดูกาลนี้ แต่ฟอร์มการเล่นของทั้งคู่ก็ยังดูแน่น และพร้อมแล้วสำหรับการออกไล่ล่าแชมป์

ผิดกับทั้งทีมปืนใหญ่ และหงส์แดง ที่ยังอยู่ในระหว่างการจูนเครื่อง เพราะผลงานในช่วงเตรียมทีมของพวกเขา ยังไม่ค่อยน่าประทับใจสักเท่าไหร่

สำหรับลิเวอร์พูล เป้าหมายในฤดูกาลนี้ของพวกเขา ไม่ได้อยู่ที่การลุ้นแชมป์อย่างแน่นอน

แต่อยู่ที่การพยายามทำอันดับให้กลับมาติดพื้นที่ไปเล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อีกครั้ง หลังจากที่เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา พวกเขารูดลงไปอยู่ถึงอันดับที่ 7

และที่สำคัญคือฤดูกาลนี้ หงส์แดงมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ภายในทีม นั่นคือมีการเปลี่ยนตัวกุนซือใหม่ ซึ่งถึงตรงนี้ก็ยังมองไม่ค่อยจะออกเลยว่า รอย ฮอดจ์สัน จะทำทีมออกมาในแนวไหน?

ผลงานเด่นของฮอดจ์สันกับ ฟูแล่ม เมื่อฤดูกาลที่แล้ว คือการพาฟูแล่มผ่านเข้าไปชิงฯ ยูโรป้า ลีก แบบสุดเซอร์ไพร์

แต่คาดว่าในการมาคุมทีมใหญ่อย่างลิเวอร์พูลของเขา เป้าหมายน่าจะเปลี่ยนมาเน้นที่บอลลีกมากกว่าบอลถ้วย

ส่วนอาร์เซนอลของ เวนเกอร์ โดยส่วนตัวผมมองว่าทีมปืนใหญ่ชุดนี้ ไม่ได้ดีกว่าทีมชุดเมื่อฤดูกาลที่แล้วซึ่งคว้าอันดับสามไปครอง โดยเฉพาะแนวรับที่ดูจะอ่อนลงกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ

ดีที่สุดของอาร์เซน่อล คงเป็นการขึ้นมาเบียดในกลุ่มหัวตาราง เพียงแค่ช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น

และเมื่อการต่อสู้มาถึงจุดสำคัญ เด็กของเวนเกอร์ที่ยังอ่อนประสบการณ์ก็จะทนต่อแรงกดดันไม่ได้เหมือนเดิม และก็จะหลุดจากเส้นทางของการลุ้นแชมป์ไปเอง

เพราะฉะนั้นปีนี้เราคงจะจับตาดูเพียงแค่ม้าสองตัวเท่านั้น!

มาคอยดูกันว่า ม้าสีแดง หรือ สีน้ำเงิน ตัวไหนจะเข้าวิน?

ที่นี่..โอลด์แทรฟฟอร์ด


อ่าซซซซซซซ์... บรรยากาศลูกหนังพรีเมียร์ลีกฤดูกาลใหม่มันช่างเร้าจริงๆ นะครับ

เอาแค่นัดเปิดฤดูกาล ก็มีเรื่องแสบๆ คันๆ ให้เราได้มันส์ในอารมณ์แล้ว


ตัดภาพไปที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เมื่อคืนวันจันทร์ที่แล้ว ขณะที่ แมนฯ ยูไนเต็ด กำลังรับน้องใหม่อย่าง นิวคาสเซิ่ล ที่เลื่อนชั้นกลับขึ้นมาด้วยแต้มถึง 105 คะแนน พลัน! สาวกที่เรียกตัวเองว่า "ทูน อาร์มี่" คำรามเย้ยหยันปวงแฟนผี "He turned you down, he turned you down, Alan Shearer turned you down," (อลัน เชียเรอร์ ปฏิเสธพวกแก่ว่ะ ฮะ ฮ่า)


แต่ "แฟนผี" หัวไวสวนกลับทันควัน "He took you down, he took you down, Alan Shearer took you down."


ปฏิเสธพวกข้า แต่พี่เขาพาพวกแกตกชั้นนะเฟ้ย ฮ่า ฮ่า


เป็นมุกแก้แบบแสบๆ คันๆ ที่เราคงจะได้เห็นตลอดปี โทษฐานที่มันเป็นอีกหนึ่งวัฒนธรรมการเชียร์ของผู้ดีชน


แต่บางที เพลงเชียร์ที่ดังกึกก้องกัมปนาทจนสั่นสะเทือนกระดูก ค้อน ทั่ง โกลน ในการแสดงรอบแรกของฤดูกาลที่ "โรงละครแห่งความฝัน" น่าจะเป็นเพลงนี้มากกว่า

He scores goals galore, he scores goals,

He scores goals galore, he scores goals,

He scores goals galore, he scores goals,

Paul Scholes, he scores goals,


He scores goals my lord, he scores goals,

He scores goals my lord, he scores goals,

He scores goals my lord, he scores goals,

Paul Scholes, he scores goals.


"แฟนผี" บน สเตรท ฟอร์ด เอนด์ โก่งคอขับขานให้กับมิดฟิลด์หัวแดงเพลิง ที่เพิ่งซิวรางวัล แมน ออฟ เดอะ แม็ตช์ ในศึกชิงโล่ คอมมิวนิตี้ ชีลด์ ในหนึ่งสัปดาห์ก่อนหน้า และกำลังโดดเด่นเป็นสง่าบนสนาม


หลังจบเกมที่ขย่ม เชลซี 3-1 แล้ว "สโคลซี่ย์" ยอมรับว่า เขาไม่เคยคิดเลยว่า ตัวเองจะมีโอกาสได้เล่นบนผืนหญ้าสีเขียวแห่ง เวมบลีย์ อีก


อันที่จริง สโคลส์ อาจไม่คิดด้วยซ้ำไปว่า เขาจะได้สวมเสื้อหมายเลข 18 ของ ยูไนเต็ด ลงเล่นในซีซั่นนี้


อายุเขาปาเข้า 35 ปีแล้วนะครับ คำนวณเป็นระยะทางก็ประมาณแยกเกษตรแล้ว (เกือบหลักสี่-ขาออก)


และบางที ชีวิตที่เหมาะกับคนวัยเดียวกันนี้ คือการใช้เวลากับครอบครัวให้มาก


เพียงแต่ปัญหาคือทักษะลูกหนังของ สโคลส์ ดันยิ่งใหญ่เกินไป


มันยิ่งใหญ่จนทำให้เขากลายเป็นตำนานอีกบทของ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด


และแน่นอนว่า มันยิ่งใหญ่เกินกว่าที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน จะปล่อยให้เขาเลิกเล่นง่ายๆ ได้


เขาอาจไม่ได้ยิงประตูบ่อยๆ หรือวิ่งไล่ล่าลูกเหมือนสมัยรุ่งๆ แต่ สโคลส์ วันนี้ ใช้ลูกบอลวิ่งแทน


มีการคำนวณกันออกมาอย่างเป็นทางการจากเครื่องมือวัดของพรีเมียร์ลีก ปรากฏว่า สโคลส์ เป็นนักเตะที่ผ่านบอลให้เพื่อนมากที่สุด และแม่นยำที่สุดในสัปดาห์แรก


ในเกมที่กำราบ นิวคาสเซิ่ล 3-0 เขาจ่ายขวางไปขวางมา (รวมถึงแอสซิสต์ให้เพื่อนรักอย่าง ไรอัน กิ๊กส์ ที่อายุรวมกัน 71 ปีซัดปิดท้ายชัยชนะ) มากถึง 104 ครั้ง


ทิ้งห่างอันดับสองอย่าง ยาย่า ตูเร่ ของ แมนฯ ซิตี้ ที่จ่ายไป 90 ครั้งในเกมกับ สเปอร์ส แบบไม่เห็นฝุ่น

อะไรคือเคล็ดลับที่ทำให้ สโคลส์ ยังคงเล่นฟุตบอลอยู่จนทุกวันนี้?


ไม่ใช่ความกระหายหลังจากที่เคยสัมผัสแชมป์ พรีเมียร์ลีก เก้าครั้ง, แชมเปี้ยนส์ ลีก อีกสอง, เอฟเอ คัพ อีกสาม


ไม่ใช่ความต้องการเพิ่มสถิติการรับใช้สโมสรเกือบ 650 นัด และทำไป 149 ลูก นับตั้งแต่ประเดิมสนามเมื่อปี 1994


ไม่ใช่การนิยมแสงสปอตไลต์หรือตกเป็นข่าว (เขาเกลียดการเป็น เดอะ สตาร์)


สั้นๆ ง่ายๆ คือความ "สนุก" ครับ


สโคลส์ ยอมรับว่า เขาสนุกกับการเล่นฟุตบอล และดูเหมือนว่า เขากำลังสนุกมากเสียด้วยสิ


พอเห็น สโคลส์ สนุก เราในฐานะแฟนผี ก็รู้สึกสนุกไปด้วยนะครับ


หลังจากได้รางวัล แมน ออฟ เดอะ แม็ตช์ ในเกมกับ นิวคาสเซิ่ล แล้ว สโคลส์ ก็คงกลับบ้านไปซดโกโก้ร้อนๆ โดยชนแก้วฉลองกับบรรดาลูกๆ เหมือนเดิม และคิดถึงความสนุกในนัดต่อไป


โอ๊ะ โอ เหลือบมองโปรแกรมนัดถัดไป พลพรรค "ปีศาจแดง" มีคิวต้องไปเยือน คราเว่น ค็อตเทจ ของ ฟูแล่ม เสียด้วยในวันอาทิตย์ที่ 22 สิงหาคมนี้


นอกเหนือไปจากเรื่องไม่สนุกเมื่อน้องหมู เวย์น รูนี่ย์ ที่เกิดอาการกีบหงุดเงี้ยว-เอ๊ย-กีบหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัดจากการยิงประตูไม่เป็นทั้งในระดับสโมสร และทีมชาตินานถึง 1,076 นาทีแล้ว


จำได้ไหมครับว่า เมื่อฤดูกาลที่แล้ว เกิดอะไรขึ้นบ้างในโปรแกรม ฟูแล่ม - ยูไนเต็ด


"ปีศาจแดง" โดน "เจ้าสัวน้อย" ขย้ำถึง 3-0 และ สโคลส์ เล่นได้ห่วยแตกมากโดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเสียบอลในแดนกลางจนนำมาซึ่งการถูก แดนนี่ เมอร์ฟี่ กะซวกนำร่อง แถมยังโดนใบเหลืองเพราะความห่ามอีก


แต่ฤดูนี้ สโคลส์ อยู่ในรูปทรงที่แตกต่างออกไป

สนุกแน่ครับ สนุกแน่

ผียังไว้ใจรูนวางเบิร์บคู่หูบุกรังเจ้าสัว


"ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังคงไว้ใจ เวย์น รูนี่ย์ ศูนย์หน้าฟอร์มฝืดเป็นกองหน้าต่อไป โดยจะจับคู่กับ ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ ในเกมที่จะบุกไปเยือน ฟูแล่ม ศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ คืนนี้


ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
วันอาทิตย์ที่ 22 สิงหาคม 2553
ฟูแล่ม - แมนฯ ยูไนเต็ด


สนาม : คราเวน ค็อทเทจ



มาร์ค ฮิวจ์ส ผู้จัดการทีมคนใหม่ของ ฟูแล่ม เตรียมเผชิญหน้ากับเจ้านายเก่าที่ ปีศาจแดง ตั้งแต่นัดสองของเกมลีก หลังจากนัดแรกบุกไปเก็บ 1 แต้มได้จาก โบลตัน เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

ปัญหาที่ สปาร์กี้ ต้องกังวลคืออาการบาดเจ็บหลังของ มาร์ค ชวาร์เซอร์ นายทวารมือ 1 ที่ต้องทดสอบความฟิต หลังยังพลาดการซ้อมเมื่อวันศุกร์ ซึ่งเกมแรกกับ โบลตัน ก็ไม่มีชื่ออยู่ในทีมด้วย

ก่อนหน้านี้ ชวาร์เซอร์ ตกเป็นข่าวย้ายทีมอย่างหนักกับ อาร์เซน่อล แต่จนแล้วจนรอด ฟูแล่ม ก็ยังปฏิเสธข้อเสนอครั้งล่าสุดที่ ปืนใหญ่ ยื่นให้เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา

ข่าวดีคือ พอล คอนเชสกี้ แบ็กซ้ายตัวเก่ง หายเจ็บข้อเท้ากลับมาแล้ว ส่วนศูนย์หน้าคนใหม่ มุสซ่า เดมเบเล่ ที่เพิ่งซื้อมาจาก อาแซด อัลค์มาร์ น่าเริ่มต้นด้วยการเป็นตัวสำรองเลย

ส่วนพวกที่บาดเจ็บยาวยังเป็นหน้าเดิมๆ ฟิลิปป์ เซนเดอรอส (เอ็นร้อยหวาย), แอนดี้ จอห์นสัน (เข่า) และ ดิโอม็องซี่ กามาร่า (เท้า) มีเพียง เอเจ. คนเดียว ที่พอจะลุ้นกลับมาในช่วงปลายเดือนกันยายน

ระบบการเล่น 4-4-2 เดวิด สต็อคเดล ลงเฝ้าเสา แผงหลังใช้ จอห์น แพนท์ซิล, เบรเด้ ฮันเกลันด์, อารอน ฮิวจ์ส, พอล คอนเชสกี้ แดนกลางมี ไซม่อน เดวี่ส์, ดิ๊กสัน เอตูฮู, แดนนี่ เมอร์ฟี่, เดเมี่ยน ดัฟฟ์ แนวรุก โซลตาน เกร่า เป็นหน้าต่ำ บ็อบบี้ ซาโมร่า หน้าเป้า

ด้าน เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กุนซือ ปีศาจแดง ประเดิมฤดูกาลไปแล้วด้วยการไล่อัด นิวคาสเซิ่ล 3-0 ในเกมมันเดย์ไนท์ จากสามประตูของ ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ, ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ และ ไรอัน กิ๊กส์

เวย์น รูนี่ย์ ยืดสถิติยิงประตูไม่ได้ออกไปเป็น 13 นัดแล้ว นับตั้งแต่เดือนมีนาคม ที่ยิงประตู บาเยิร์น มิวนิค ในเกมแชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อรวมทั้งสโมสรและทีมชาติปาเข้าไป 1,076 นาทีแล้ว แต่ เซอร์ อเล็กซ์ ก็ไม่ได้กังวลใจแต่อย่างใด

อาการบาดเจ็บขาของ ปาทริซ เอวร่า ที่ล้มไปชนกับป้ายโฆษณาในเกมแรกที่เจอ นิวคาสเซิ่ล ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง และแบ็กซ้ายทีมชาติฝรั่งเศสจะพร้อมลงเล่นเกมนี้ไม่มีปัญหา

ส่วนความคืบหน้าล่าสุดของ ริโอ เฟอร์ดินานด์ ที่เจ็บเอ็นหัวเข่า คาดว่าน่าจะกลับมาลงสนามได้ในช่วงสิ้นเดือน ก.ย.นี้ ขณะที่ อันแดร์สัน ก็กลับมาซ้อมแล้ว คาดว่าจะกลับมาแย่งตำแหน่ง หลังผ่านช่วงเบรกทีมชาติเดือน ก.ย.

นอกจากนี้ในราย ไมเคิ่ล โอเว่น และ ไมเคิ่ล คาร์ริค ที่ไม่ได้ลงสนามในเกมแรก ก็มีโอกาสได้ลงซ้อมเพิ่มขึ้นและอาจจะได้ลงสนามในเกมวันอาทิตย์นี้เช่นกัน

ระบบการเล่น 4-4-2 เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ ลงเฝ้าเสา แผงหลังใช้ จอห์น โอเช, เนมานย่า วิดิช, จอนนี่ อีแวนส์, ปาทริซ เอวร่า แดนกลางมี อันโตนิโอ วาเลนเซีย, ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์, พอล สโคลส์, นานี่ คู่หน้า เวย์น รูนี่ย์ ยืนคู่ ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ

รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม

ฟูแล่ม : เดวิด สต็อคเดล - จอห์น แพนท์ซิล, เบรเด้ ฮันเกลันด์, อารอน ฮิวจ์ส, พอล คอนเชสกี้ - ไซม่อน เดวี่ส์, ดิ๊กสัน เอตูฮู, แดนนี่ เมอร์ฟี่, เดเมี่ยน ดัฟฟ์ - โซลตาน เกร่า - บ็อบบี้ ซาโมร่า

แมนฯ ยูไนเต็ด : เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ - จอห์น โอเช, เนมานย่า วิดิช, จอนนี่ อีแวนส์, ปาทริซ เอวร่า - นานี่, ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์, พอล สโคลส์, ไรอัน กิ๊กส์ - เวย์น รูนี่ย์, ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ

ผู้ตัดสิน : ปีเตอร์ วอลตัน


เจ้าสัวเฝ้าบ้านขยี้ผีดับ 2 ปีติด



แม้ผลงานการพบกันของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับ ฟูแล่ม จะเข้าทางปืนของ ปีศาจแดง มากทีเดียว เพราะ 12 นัดหลังสุดที่พบกันในทุกรายการ ทีมของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กวาดชัยชนะไปถึง 10 นัดด้วยกัน แต่การมาเยือน คราเวน ค็อทเทจ ในช่วงหลังเริ่มไม่ใช่งานง่ายเสียแล้ว

สำหรับการมาเยือน คราเวน ค็อทเทจ 2 ฤดูกาลหลัง ปีศาจแดง ไม่สามารถเอาชนะได้เลย โดยฤดูกาล 2008-09 ฟูแล่ม เอาชนะ 2-0 จากจุดโทษของ แดนนี่ เมอร์ฟี่ และ โซลตาน เกร่า ส่วนฤดูกาลที่แล้ว ฟูแล่ม ไล่ยำ 3-0 เมอร์ฟี่, บ็อบบี้ ซาโมร่า และ เดเมี่ยน ดัฟฟ์ ทำประตู

อย่างไรก็ตาม ภาพรวมเมื่อฤดูกาลที่แล้ว ปีศาจแดง คือทีมที่ดีที่สุดในการเป็นทีมเยือน เพราะเก็บแต้มได้มากที่สุด 36 คะแนน แม้จะพ่ายแพ้ถึง 5 นัดก็ตาม


สถิติสปาร์กี้ยังห่างชั้นเฟอร์กี้



สถิติการพบกันของอาจารย์กับลูกศิษย์อย่าง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กับ มาร์ค ฮิวจ์ส ถือว่าห่างชั้นกันมากทีเดียว เพราะ 12 ครั้งที่พบกัน เฟอร์กี้ เอาชนะถึง 7 นัด ส่วน สปาร์กี้ เอาชนะได้แค่ 2 นัดเท่านั้น

ฮิวจ์ส ถือเป็นศิษย์เก่าอีกคนที่มักจะไม่ค่อยสร้างปัญหาให้ เซอร์ อเล็กซ์ สักเท่าไหร่ ช่วงสุดท้ายที่ทั้งคู่พบกันคือตอนที่กุนซือชาวเวลส์ยังคุมทีม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อยู่ ซึ่ง ฮิวจ์ส พ่ายรวด 3 นัดในเกมลีกที่เจอ ปีศาจแดง รวมถึงตกรอบรอบชนะเลิศ คาร์ลิ่ง คัพ ด้วยน้ำมือ เฟอร์กี้ ด้วย

เกมสุดท้ายที่ ฮิวจ์ส ต่อกรกับ เฟอร์กูสัน คือเกมพรีเมียร์ลีก ที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ปีศาจแดง เฉือนชนะ 4-3 จากประตูชัยของ ไมเคิ่ล โอเว่น ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ


ป๋าเน้นสั่งลูกทีมต้องแก้ตัว



เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ผู้จัดการทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยืนยันสั่งลูกทีมเน้นเป็นพิเศษ เพราะบุกมาโดน เจ้าสัวน้อย อัดนิ่มตลอด 2 ปีที่ผ่านมา พร้อมทั้งเชื่อว่า มาร์ค ฮิวจ์ส จะทำผลงานได้ดีกับ ฟูแล่ม ด้วย

"เราเจองานยากเสมอที่ ฟูแล่ม เราเคยเหลือผู้เล่น 9 คน และจากนั้นเมื่อปีที่แล้วเราก็ต้องสลับตำแหน่งนักเตะวุ่นวายในแนวรับ นั่นแหละคือประเด็นเวลาคุณจัดทีมที่นักเตะต้องเล่นตำแหน่งไม่ถนัด พอคุณเสียประตูอะไรๆ ก็ยากมากขึ้น เราลงเอยด้วยสภาพขาดวิ่นทั้งๆ ที่เริ่มต้นเกมได้ดี"

"มาร์ค (ฮิวจ์ส) เคยคุมทีมขนาดเล็กที่ แบล็คเบิร์น และประสบการณ์ที่นั่นของเขาจะช่วย ฟูแล่ม ได้มาก ในแง่ขนาดทีมแล้วคุณอาจพูดได้ว่า พวกเขาเป็นทีมระดับเดียวกัน และซีซั่นที่แล้ว ฟูแล่ม แทบสร้างความมหัศจรรย์ให้เกิดขึ้นทั้งที่มีทีมขนาดเล็ก พวกเขาเล่นถึง 59 นัดเริ่มตั้งแต่เดือนกรกฎาคม และปิดฉากที่ ฮัมบูร์ก ในเดือนพฤษภาคม"

"มันเป็นปรากฏการณ์ ผมคิดว่าสิ่งที่ช่วยพวกเขาตอนนั้นก็คือพวกเขามีเกมลงสนามเยอะ และเร็ว พวกเขาเลยไม่มีเวลาคิด พวกเขาก็แค่สวมเสื้อ แล้วลงไปเล่น พวกเขาแทบไม่ได้ซ้อม เพราะพวกเขาเป็นทีมขนาดเล็ก และจำเป็นต้องรักษาสภาพความฟิตเอาไว้ มันคือซีซั่นของพวกเขา และมันจะไม่เกิดขึ้นอีก ผมมั่นใจ"

ขณะเดียวกัน เฟอร์กี้ ยืนยันอีกรอบว่า ซัมเมอร์นี้จะไม่มีนักเตะใหม่ย้ายเข้ามาแล้ว แม้ล่าสุดจะถูกลือเกี่ยวโยงกับ ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท จอมทัพดัตช์ ของ เรอัล มาดริด ก็ตาม โดยกล่าวว่า "ทีมของเราโอเคแล้ว เราไม่มีปัญหาอะไร นั่นคือความกังวลหลักของผม ทุกตำแหน่งโอเคแล้ว เราไม่ซื้อใครแล้ว"


โปรแกรมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
19.30 น. นิวคาสเซิ่ล - แอสตัน วิลล่า
22.00 น. ฟูแล่ม - แมนฯ ยูไนเต็ด

โอเว่นยิ้ม!เซอร์รับประกันคือคนสำคัญ


เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กุนซือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เผย ไมเคิ่ล โอเว่น กองหน้าตีนคม ไม่ต้องคิดมากกับสถานการณ์ของตัวเอง ที่อาจดูไม่มั่นคงนัก ยืนยันยังเป็นนักเตะคนสำคัญ และอยู่ในแผนการล่าแชมป์ทุกถ้วยในฤดูกาลนี้ของทีม




เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยักษ์ใหญ่พรีเมียร์ลีก รับประกันกับ ไมเคิ่ล โอเว่น กองหน้าจอมเก๋าของ "ปีศาจแดง" ว่า ไม่ต้องคิดมาก หรือกังวลกับสถานะของตัวเอง เพราะเป็นหนึ่งในผู้เล่นคนสำคัญของทีมชุดใหญ่ และจะมีบทบาทช่วยทีมล่าความสำเร็จในฤดูกาลนี้อย่างแน่นอน

โอเว่น ได้เล่นเกมคอมมิวนิตี้ ชิลด์ แต่เล่นได้ครึ่งเดียวเท่านั้น จากนั้นก็หลุดออกจากทีมในเกมเปิดสนามชนะ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด 3-0 เลยลือกันว่าบางที โอเว่น อาจโดนสองดาวรุ่งอย่าง ฮาเวียร์ เอร์นานเดซ กับ เฟเดริโก้ มาเคด้า เดือดร้อน เฟอร์กี้ ต้องออกมาพูดให้สบายใจเลยว่า โอเว่น ยังมีส่วนสำคัญกับทีมมาก

เฟอร์กูสัน กล่าวถึง อดีตหัวหอกนิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ที่เหลือสัญญาค้าแข้งใน โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ปีเดียว ว่า "ไมเคิ่ล ไม่ต้องกังวลสถานการณ์ของตัวเองเลย เขาเป็นสมาชิกคนสำคัญในทีมชุดใหญ่ของเรา การพัฒนานักเตะดาวรุ่งของเราหมายความว่าเรามีนักเตะให้ใช้งานกว่า 30 คน ผมพอใจกับสถานการณ์นี้มาก"

ด้าน โอเว่น กล่าวว่า การไม่ได้เล่นสม่ำเสมอทำให้ยากมากที่จะรักษาความฟิต และฟอร์มการเล่น "สิ่งที่ยากที่สุดตามสายตาของผมคือ การไม่ได้เล่นมาพักหนึ่ง แล้วจู่ๆ ทันทีทันใดคุณก็ถูกเรียกตัวใช้งาน ซึ่งคุณต้องพร้อมด้วย คุณจะซ้อมในยิมหนักขนาดไหนก็ได้ แต่คุณจะได้ประโยชน์ก็ต่อเมื่อลงสนาม ผมรู้สึกดีกับช่วงปรี-ซีซั่นที่ ไอร์แลนด์ แต่ไม่เฉียบคมเท่าไหร่ที่ เวมบลีย์"

“กิ๊กส์” เล็งทายาทเซอร์นั่งกุนซือผี


ไรอัน กิ๊กส์ ปีกตัวเก๋าของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมชั้นนำแห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ หวังสืบทอดตำแหน่งนายใหญ่แห่งถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ต่อจาก เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน หลังจากตนเองยุติการค้าแข้งไป


กิ๊กส์ ประสบความสำเร็จอย่างมากมายตลอดชีวิตการค้าแข้ง 20 ปีกับ แมนฯ ยูไนเต็ด และตอนนี้ดาวเตะวัย 36 ปี มองถึงการทำงานในตำแหน่งผู้จัดการทีมเช่นเดียวกันอดีตเพื่อนร่วมทีมอย่าง มาร์ก ฮิวจ์ส, รอย คีน และ ไบรอัน ร็อบสัน โดยปีกจอมเทคนิกแสดงความหวังนั่งเก้าอี้กุนซือไม่ว่า แมนฯ ยูไนเต็ด หรือทีมชาติเวลส์

“เป้าหมายของผม คือ อยากทำงานผู้จัดการทีมต่อไป ไม่ว่าจะกับ แมนฯ ยูไนเต็ด หรือทีมชาติเวลส์ ผมไม่รู้ว่าจะรับมือกับมันอย่างไรหลังจากเลิกเล่นฟุตบอลแล้ว ฟุตบอลเป็นส่วนสำคัญในชีวิตของผม การยุติมันในช่วงปลายอายุสามสิบและไม่ทำอะไรเป็นเรื่องยาก แม้ว่างานนี้จะต้องเจอกับความเครียดก็ตาม ผมคิดว่านักเตะหลายคนที่กลายมาเป็นผู้จัดการทีมรู้สึกสนุกกับมัน และผมคิดว่า รอย คีน ก็สนุกกับงานนี้” กิ๊กส์ กล่าว

ทั้งนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด ของ กิ๊กส์ เตรียมเปิดสนามโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด รับมือ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ในเกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประเดิมฤดูกาลใหม่ของทีมในวันจันทร์ที่ 16 สิงหาคมนี้

“โอเวน” โวล่าตาข่ายอีก 5 ปี


ไมเคิล โอเวน อดีตดาวยิงทีมชาติอังกฤษ ของ “ผีแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตั้งเป้าค้าแข้งในระดับสูงสุดต่อไปอีก 5 ปี เผยตอนนี้ชีวิตในถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด สมบูรณ์แบบสุดๆ

โอเวน มีลุ้นลงล่าตาข่าย นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ต้นสังกัดเก่า เกม พรีเมียร์ชิป อังกฤษ นัดเปิดฤดูกาล 2010-11 แมนฯยูไนเต็ด เปิด โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด รับมือ “น้องใหม่” แชมป์ เดอะแชมเปียนชิป เมื่อปีที่แล้ว คืนวันจันทร์ที่ 16 สิงหาคมนี้ ก่อนเกมอดีตกองหน้าที่ขึ้นชื่อว่าเร็วที่สุดออกมาเผยว่ายังไม่มีความคิดแขวนสตั๊ด

อดีตหอก ลิเวอร์พูล และ รีล มาดริด เผยว่า “ตอนนี้ผมอายุ 30 แล้ว และคงไม่สามารถลงเล่นทุกเกม รวมถึงยังมีอาการบาดเจ็บและไม่รวดเร็วเหมือนเดิม ชีวิตผมเปลี่ยนไปทั้งในและนอกสนาม สไตล์การเล่นไม่เหมือนเดิม แต่ผมยังเชื่อว่า สามารถเล่นในระดับสูงสุดได้อีก 5 ปี”

“ผมฝึกซ้อมทุกวันกับ แมนฯยู ร่วมกับนักเตะระดับโลก รวมถึงสุดยอดกุนซือ ลงเล่นต่อหน้าแฟนบอลที่ยอดเยี่ยมและสนามอย่าง โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ผมมีความสุขมากที่ได้กลับมาเล่นใน อังกฤษ อีกครั้ง หากปีนี้ทีมลงเล่นมากถึง 60 นัด ผมก็หวังว่าจะมีส่วนสำคัญกับทีมด้วย” นักเตะที่ยิง 40 ประตูจาก 89 นัดให้ “สิงโตคำราม” เผย

โอเวน เลือกซบตัก แมนฯยูไนเต็ด หลังหมดสัญญากับ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด เมื่อฤดูกาลที่แล้วออกสตาร์ทเวที พรีเมียร์ชิป 12 นัด ยิงได้ 3 ประตู โชคร้ายได้รับบาดเจ็บไม่ได้ลงสนามในช่วงครึ่งฤดูกาลหลัง

“คาร์ริค” ลั่นงัดฟอร์มเก่งลบผิดหวัง


ไมเคิล คาร์ริค กองกลาง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เผยมีความกระตือรือร้นที่จะลบความผิดหวังจากเมื่อฤดูกาลที่แล้วที่วืดแชมป์รายการใหญ่ทั้ง พรีเมียร์ชิป และ ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก ก่อนเกมนัดเปิดฤดูกาล 2010-11 ที่จะเปิด โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด รับมือ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด คืนวันจันทร์ที่ 16 สิงหาคมนี้


คาร์ริค ฟอร์มตกอย่างหนักมีส่วนทำให้ แมนฯยูไนเต็ด ตกรอบ 8 ทีมสุดท้าย ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก แม้จะมีชื่อติดธง อังกฤษ ลุยศึกฟุตบอลโลก 2010 ที่ แอฟริกาใต้ แต่ก็ไม่ได้ลงสนามเลย พร้อมกับตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายไปอย่างเจ็บช้ำ นักเตะวัย 29 ปี จึงตั้งเป้างัดฟอร์มเก่งกับ “ผีแดง” ในฤดูกาลนี้

“ฤดูกาลที่แล้วน่าผิดหวังมาก ผมต้องเจอกับช่วงซัมเมอร์ที่ยากลำบาก แต่ว่าถือเป็นฤดูกาลที่ 5 แล้วระหว่างนั้นผมเก็บเกี่ยวประสบการณ์มากมาย มีความรู้สึกหิวกระหายมากขึ้นเหมือนตอนปีแรกที่มาที่นี่ เมื่อคุณไม่ได้รับอะไรที่ต้องการมันน่าเจ็บปวดมากเสมอ” แข้งวัย 29 ปี เปิดเผย

คาร์ริค อดีตนักเตะ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด และ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ เพิ่งช่วย แมนฯยู คว่ำ เชลซี 3-1 คว้าแชมป์ เอฟเอ คอมมูนิตี ชิลด์ เมื่อช่วงต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ทว่าในฤดูกาลนี้ต้องแย่งตำแหน่งตัวจริงในแผงมิดฟิลด์กับ พอล สโคลส์, ดาร์เรน เฟลตเชอร์, ดาร์รอน กิ๊บสัน และ ทอม เคลเวอร์ลีย์

ผีแดงเรียงหน้าซัดสาลิการ่วง 3-0


ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ, ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ และไรอัน กิกส์ เรียงหน้าช่วยกันส่องนำ "ผีแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดบ้านพิชิต "สาลิกาดง" นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด เบาะๆ 3-0 ในศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประจำคืนวันจันทร์ที่ 16 สิงหาคม 2553

ศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดมันเดย์ไนท์
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 3-0 นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด


เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน จัดทัพใหญ่ "ผีแดง" แมนฯ ยูไนเต็ด ประเดิมเส้นทางล่าแชมป์พรีเมียร์ลีก ซีซัน 2010/11 ด้วยการเปิดบ้านชน "สาลิกาดง" นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด น้องใหม่หน้าเก่า โดยเจ้าบ้านให้ ปาทริซ เอฟรา แบ็กซ้ายตัวแกร่งคืนทีม ขณะที่ หลุยส์ นานี ได้เลื้อยทางริมเส้น แนวรุกใช้บริการ ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ กับ เวย์น รูนีย์ ด้านทีมเยือนกุนซือ คริส ฮิวจ์ตัน วางหมากอัดกลางแน่น 5 ตัว อลัน สมิธ ได้คืนถิ่นเก่า เควิน โนแลน สวมปลอกแขนกัปตันทีมสนับสนุนเกมรุกอยู่ด้านหลัง แอนดรูว์ คาร์โรลล์ หัวหอกร่างใหญ่

เริ่มเกมการแข่งขัน แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นฝ่ายครองบอลพยายามทำเกมบุกแต่ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด กางขุมกำลังในแดนรับไว้อย่างแน่นหนา ทำให้ เวย์น รูนีย์ ต้องถ่างออกมาด้านซ้ายก่อนทำชิ่งกับ หลุยส์ นานี แล้วตัดเข้ามาในปั่นด้วยขวาบอลเหินข้ามคานไป แต่นาทีที่ 10 ทีมเยือนเกือบช็อกแฟนๆ ในโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เมื่อ แอนดี คาร์โรลล์ โผเข้ามาโขกลูกเตะมุมเต็มๆ แต่บอลไม่ตรงกรอบอย่างน่าเสียดาย จากนั้นเป็นเจ้าถิ่นที่ขึงเกมหนักขึ้น รูนีย์ ได้ยิงในกรอบโทษทว่าโดนกองหลังผู้มาเยือนลงมาบล็อกได้ทัน "สาลิกาดง" เน้นเกมตั้งรับเป็นหลัก แต่จังหวะสวนก็ทำได้น่ากลัวไม่น้อย คาร์โรลล์ ลองซัดไกลจากนอกกรอบเข้าซอง เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์

ผ่านครึ่งทางของครึ่งแรก พอเจอกดดันเข้าไป ฟาบริซิโอ โคลอคชินี จ่ายบอลคืนให้ ไมค์ วิลเลียมสัน คู่หูในแนวรับแต่พลาด นานี วิ่งเข้ามาเตรียมตั้งป้อมหวดแต่ วิลเลียมสัน ยังแก้ตัวพุ่งไปสไลด์บล็อกเอาไว้ได้ ครึ่งชั่วโมงพอดี อันโตนิโอ วาเลนเซีย เปิดบอลจากกราบขวาเลยไปเสาสอง ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ โขกตั้งให้ รูนีย์ เอี้ยวตัววอลเลย์แต่หลักไม่ดีบอลจึงข้ามคานไปไกล แต่สามนาทีถัดมา "ผีแดง" ก็เบิกสกอร์นำ 1-0 จนได้ วาเลนเซีย อาศัยความขยันฉกบอลได้ในแดนคู่แข่งก่อนจ่ายให้ พอล สโคลส์ แทงทะลุ เบอร์ตอฟ หลุดเข้าไปซัดเน้นๆ ผ่านมือ สตีฟ ฮาร์เปอร์ เข้าไป ก่อนจบครึ่งแรก 4 นาที แมนฯ ยูไนเต็ด หนีเป็น 2-0 ปาทริซ เอฟรา เติมขึ้นมาไหลบอลเข้าใน รูนีย์ จับไม่อยู่ แต่เป็นดีตั้งให้ ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ ส่องจ่อๆ ไม่เหลือ จบครึ่งแรกเจ้าถิ่นถือความได้เปรียบ
ลุยต่อครึ่งหลัง นิวคาสเซิล ยังต้องตั้งรับต่อไปเมื่อ แมนฯ ยูไนเต็ด ยังไม่ยอมเพลาเกมบุก นาทีที่ 53 สโคลส์ ลากตะลุยเข้ากรอบโทษก่อนโดนแซะล้มลงไป แต่ผู้ตัดสิน คริส ฟอย ให้เล่นกันต่อไป จังหวะดันเกมขึ้นมาบ้านของทีมเยือนจบด้วยการยิงของ คาร์โรลล์ แต่ไม่ผ่านการป้องกันของ ฟาน เดอร์ ซาร์ เจ้าถิ่นสวนกลับขึ้นมา รูนีย์ หลุดไปทางขวาไหลใส่พานกะให้ เบอร์บาตอฟ ซัดเหน่งๆ แต่ วิลเลียมสัน สกัดบอลออกมาได้หวุดหวิด ถัดมาการประสานงานอันยอดเยี่ยมเกือบนำมาซึ่งประตูที่สามของ "ผีแดง" สโคลส์ แทงทะลุให้ รูนีย์ ชิ่งเร็ว เบอร์บาตอฟ หลุดเข้าไปยิงบอลผ่านมือ ฮาร์เปอร์ แต่ก็ผ่านเสาประตูไปเช่นกัน หนึ่งชั่วโมงพอดี เอฟรา เปิดบอลให้ รูนีย์ แปกระแทกส่งลูกหนังตุงตาข่าย แต่แฟนๆ "ผีแดง" ต้องเฮเก้อกันไป เมื่อผู้ช่วยผู้ตัดสินยกธงล้ำหน้าแบ็กซ้ายทีมชาติฝรั่งเศสไปก่อนหน้านี้แล้ว

จากนั้น เฟอร์กี ถอดเอา รูนีย์ มาพักพร้อมกับส่ง ฮาเวียร์ "ชิราริโต" เฮอร์นานเดซ ลงมาล่าตาข่ายแทน จากนั้น แมนฯ ยูไนเต็ด บุกใส่แบบวันเวย์ นานี ลองยิงไกลด้วยซ้ายแต่บอลถากเสา เอฟรา ยังเติมเกมได้ไหลลื่นทางกราบซ้ายกึ่งยิงกึ่งผ่านไปหน้าประตู แต่เพื่อนชาร์จไม่ถึง เมื่อเกมเป็นรองมหาศาล คริส ฮิวจ์ตัน จัดแจงปรับหมากให้ นิวคาสเซิล ด้วยการส่ง โชลา อเมโอบี ลงมาแทน เควิน โนแลน เป็นการเติมเกมรุก ขณะที่เจ้าบ้านใส่ ไรอัน กิกส์ มาเสริมแดนกลางถอด นานี ออกมา และทีมเยือนก็มีลุ้นบ้าง อเมโอบี โหนโขกลูกเตะมุมไม่ตรงเป้าหมาย ท้ายเกมรองแชมป์เก่าน่าได้ประตูตอกฝาโลง เบอร์บาตอฟ อาศัยเทคนิคล็อกเข้ายิงติดเซฟ ฮาร์เปอร์ แต่ก่อนหมดเวลา 5 นาที "ผีแดง" ย้ำชัย 3-0 จากการวอลเลย์เข้าไปอย่างสุดสวยของ กิกส์ จบเกมจึงเก็บสามแต้มประเดิม โดยอาทิตย์หน้ามีคิวเยือน ฟูแลม ขณะที่ นิวคาสเซิล จะกลับไปเปิดเซนต์ เจมส์ ปาร์ค พบกับ แอสตัน วิลลา ในวันเดียวกัน

รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
แมนฯ ยูไนเต็ด : เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ , จอห์น โอเชีย , จอนนี อีแวนส์ , เนมันยา วิดิช , ปาทริซ เอฟรา , อันโตนิโอ วาเลนเซีย , ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ , พอล สโคลส์ , หลุยส์ นานี , ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ , เวย์น รูนีย์

นิวคาสเซิล : สตีฟ ฮาร์เปอร์ , เจมส์ เพิร์ช , ไมค์ วิลเลียมสัน , ฟาบริซิโอ โคลอคชินี , โฆเซ เอ็นริเก , เวย์น เราท์เลดจ์ , โจอี บาร์ตัน , อลัน สมิธ , โฮนาส กูเตียร์เรซ , เควิน โนแลน , แอนดรูว์ คาร์โรลล์

"เซอร์" ชม "สโคลส์" ผ่านบอลเฉียบพาผีฉลุย


เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ออกโรงชม พอล สโคลส์ มิดฟิลด์จอมเก๋าที่อาศัยประสบการณ์ผ่านบอลได้อย่างเฉียบขาด มีส่วนช่วย "ผีแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดบ้านไล่ถลุง นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด 3-0 ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา


แมนฯ ยูไนเต็ด ประเดิมฤดูกาลใหม่ 2010/11 ศึกพรีเมียร์ลีก ด้วยการเปิดโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เรียงหน้าอัด "สาลิกาดง" นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด 3-0 โดยได้ประตูจาก ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ, ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ ก่อนที่ครึ่งหลัง ไรอัน กิกส์ ที่ถูกส่งลงมาเป็นสำรองจะวอลเลย์ประตูสุดสวยทิ้งทวนให้ "ผีแดง" ฮุบสามแต้มเข้ากระเป๋า

ภายหลังการแข่งขัน เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ออกมาชมเชย สโคลส์ ผ่าน "บีบีซี" สำนักข่าวชั้นนำเมืองผู้ดี หลังจากอดีตกองกลางทีมชาติอังกฤษจ่ายสองประตูให้ เบิร์บ และกิกส์ ซัลโวเข้าไป "พอล ผ่านบอลได้อย่างยอดเยี่ยมและมีวิสัยทัศน์ยิ่งนัก ในศึกคอมมูนิตี ชิลด์ พอล ก็แสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้สูญเสียความรู้สึกของฟุตบอลไปเลย เขายังเต็มไปด้วยความกระหาย ในเกมการแข่งขันคุณย่อมต้องการมีนักเตะแบบนี้เอาไว้ใช้งาน แม้ในแมตช์มีผู้เล่นฝีเท้าดีอยู่มากมาย แต่คืนนี้เป็น พอล ที่สร้างสรรค์โอกาสได้ดีเลิศ"

"อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุดคือ แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นฝ่ายชนะ เราทำประตูได้มากมาย การที่ นิวคาสเซิล มาเยือนที่นี่แล้วเน้นลงไปตั้งรับกันค่อนข้างลึก ซึ่งหลายทีมพยายามทำเช่นนั้น แต่เราก็เล่นกันได้อย่างอดทนจนนำมาซึ่งชัยชนะด้วยสกอร์ 3-0 ในส่วนของ นิวคาสเซิล ผมคิดว่าพวกเขาคงต้องทำงานกันอย่างหนักหลังกลับขึ้นมาสู่พรีเมียร์ลีก พวกเขาเล่นฟุตบอลกันได้ดีช่วง 10 นาทีแรก ส่วนเราพลาดโอกาสหน้าประตูไปอย่างน่าเสียดาย ผมคิดว่า ดิมิทาร์ (เบอร์บาตอฟ) มีโอกาส 3-4 ครั้งด้วยกัน" บรมกุนซือชาวสกอตติชทิ้งท้าย

ด้าน คริส ฮิวจ์ตัน กุนซือ "สาลิกาดง" กล่าวบ้าง "นี่เป็นเกมที่เราครองบอลกันได้น้อยกว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ค่อนข้างมาก เราพยายามหาพื้นที่เท่าที่จะทำกันได้ เมื่อคุณมาเยือนโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด คุณต้องจำกัดเกมบุกและโอกาสของพวกเขาให้ได้ ซึ่งเราทำกันได้ดีในช่วงครึ่งชั่วโมงแรก แต่โชคไม่ดีเที่เราเสียบอลกันบ่อยเกินไป อีกทั้งพวกเขามีคุณภาพที่เหนือกว่า ไม่ก่อความผิดพลาดกันเลย"

“สโคลส์” ลั่นชอบคนด่า เมินเสียงก่นเวนเกอร์


ซีเนอดีน ซีดาน ตำนานทีมชาติฝรั่งเศส ยกย่อง พอล สโคลส์ คือ กองกลางดีที่สุดของอังกฤษ พร้อมยอมรับเสียดายที่ไม่มีโอกาสเล่นร่วมกัน ด้านกองกลางจอมเก๋าของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่คิดตอบโต้ อาร์แซน เวนเกอร์ กุนซือ อาร์เซนอล หลังถูกวิจารณ์ว่าเป็นพวกตุกติก จากการตีข่าวของ “ซันเดย์ มิร์เรอร์” (SUNDAY MIRROR)

สโคลส์ โชว์ฟอร์มโดดเด่นพา แมนฯยู ออกสตาร์ทศึก พรีเมียร์ชิป อังกฤษ ฤดูกาลใหม่ 2010-11 อย่างสวยหรูด้วยการเปิด โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ยำใหญ่ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด 3-0 เมื่อวันจันทร์ที่ 16 สิงหาคมที่ผ่านมา พร้อมรับตำแหน่ง แมน ออฟ เดอะ แมตช์ เช่นเดียวกับเกม เอฟเอ คอมมูนิตี ชิลด์ ที่เอาชนะ เชลซี 3-1 ก่อนหน้านี้ ก็มีกระแสให้คืนทัพ “สิงโตคำราม” ก่อนศึกฟุตบอลโลก 2010 ที่ แอฟริกาใต้

ล่าสุด ซีดาน ที่คว้าแชมป์โลกและแชมป์ ยูโร กับ ฝรั่งเศส ออกมากล่าวถึง สโคลส์ ว่า “เป็นธรรมดาที่คุณต้องการเลือกผู้เล่นที่ดีที่สุดและสำหรับผม สโคลส์ ยังคงเป็นนักเตะที่มีระดับของ อังกฤษ สิ่งที่เขาทำยากที่ใครจะลอกเลียนแบบได้ ผมไม่เคยเบื่อที่ได้ดูเขาลงสนาม สิ่งเดียวที่เสียใจคือไม่มีโอกาสได้เล่นร่วมกัน”

ตำนานทัพ “เลส์ เบลอส์” วัย 38 ปี เผยเข้าใจเหตุที่ สโคลส์ ต้องประกาศลาทีมชาติอังกฤษ ก่อนวัยอันควร “แน่นอนเพื่อคุณจะได้รับใช้ต้นสังกัดอย่างเต็มที่และยืดเวลาค้าแข้งออกไปอีก คุณจำเป็นต้องปรับสถานการณ์ให้เข้ากับอายุที่มากขึ้น เนื่องจากไม่ได้แข็งแกร่งและมีพลังงานเหมือนช่วงหนุ่มๆ อีกแล้ว”

พร้อมกันนี้ สโคลส์ ไม่คิดต่อปากต่อคำกับ เวนเกอร์ กุนซือมาดละเมียดของ อาร์เซนอล หลังถูกเหน็บว่าเป็นนักเตะที่มีด้านมืดเช่นชอบเล่นตุกติก แข้งวัย 35 ปีที่เล่นให้กับ แมนฯยู ตั้งแต่ปี 1992 เผยว่า “ผมไม่ค่อยชอบคำยกยอปอปั้นใดๆ ทั้งนั้น ผมต้องการคำวิจารณ์เพื่อจะพิสูจน์ให้เห็นว่าทุกคนคิดผิด ผมต้องการอยู่กับ แมนฯยู เท่านั้น เพราะเป็นทีมที่ดีที่สุด ดังนั้น ทำไมจะต้องย้ายทีม เจ้านายก็ต้องการผม”

“รูน” ติดเชื้อวืดช่วยผีซดฟูแลม


“ผีแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะไม่มี เวย์น รูนีย์ ดาวยิงคนสำคัญ ทำศึก พรีเมียร์ชิป อังกฤษ คืนวันอาทิตย์ที่ 22 สิงหาคมนี้เกมบุกรัง คลาเวน คอตเทจ ของ ฟูแลม เนื่องจากมีอาการป่วยและไม่ได้เดินทางรวมทัพไปกรุงลอนดอน

รูนีย์ กำลังอยู่ในช่วงฟอร์มตก หลังควานหาสกอร์ไม่เจอ 13 นัดติดต่อกันทั้งกับสโมสรและในนามทีมชาติ ทั้งที่เมื่อฤดูกาลที่แล้วทะลวง 34 ประตู ล่าสุด ดาวยิงวัย 24 ปี ถูกแพทย์ประจำถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด สั่งให้กลับบ้าน โดยห้ามติดต่อกับนักเตะรายอื่นหรือสต๊าฟฟ์โค้ช เนื่องจากเกรงว่าอาการเชื้อไวรัสที่ท้องอาจจะแพร่กระจาย

เกม แมนฯยูไนเต็ด เยือน ฟูแลม วันอาทิตย์นี้กุนซือ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน อาจจะส่ง ฮาเวียร์ เฮร์นานเดซ ดาวยิงทีมชาติเม็กซิโก ออกสตาร์ทใน พรีเมียร์ชิป อังกฤษ เป็นเกมแรก หรือ ไมเคิล โอเวน ลงคู่กับ ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ

สำหรับอาการป่วยของ รูนีย์ ยังส่งผลกระทบถึง ฟาบิโอ คาเปลโล กุนซือทีมชาติอังกฤษ เนื่องจากมีโปรแกรมเปิด เวมบลีย์ ทำศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ ยูโร 2012 รอบคัดเลือก รับมือ บัลแกเรีย วันศุกร์ที่ 3 กันยายนนี้

"เวนเกอร์" แขวะ "สโคลส์" จอมตุกติก


อาร์แซน เวนเกอร์ กุนซือ "ปืนใหญ่" อาร์เซนอล ไม่วายออกโรงเปิดศึก "ผีแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คู่ปรับร่วมศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ล่าสุดจวก พอล สโคลส์ ฝีเท้าเยี่ยมก็จริง แต่น่าเสียดายที่เป็นนักเตะจอมตุกติก

พอล สโคลส์ ได้รับคำชมเชยอย่างมากจาก เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน นายใหญ่ แมนฯ ยูไนเต็ด หลังมีส่วนสำคัญพาต้นสังกัดอัด "สิงห์บลูส์" เชลซี 3-1 คว้าโล่แชมป์คอมมูนิตี ชิลด์ มาครอง พร้อมกับจ่ายบอลงามๆ ให้ผองเพื่อน "ผีแดง" นัดเปิดสนามพรีเมียร์ลีก ด้วยการถล่ม "สาลิกาดง" นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด 3-0 เมื่อสัปดาห์ก่อน

ทว่าในสายตาของ อาร์แซน เวนเกอร์ มองว่า สโคลส์ ในวัย 35 ปี ยังเป็นแข้งที่มักเล่นสกปรก เหมือนกับเมื่อฤดูกาลก่อนที่เอ่ยปากแขวะ ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ เป็นจอมทำฟาล์วประจำทีมแมนฯ ยูไนเต็ด มาแล้ว "ผมเสียใจที่จะพูดว่า พอล (สโคลส์) เป็นนักเตะที่ไม่สะอาดเอาเสียเลย แน่นอนว่าใครบ้างที่ไม่ต้องการนักเตะคุณภาพอย่าง พอล สโคลส์ อยู่ในทีม แต่หากถามผมถ้าเขาเป็นนักเตะที่เล่นแบบซื่อๆ ก็คงดี ดังนั้นผมจึงไม่อยากมีเขาไว้ในทีม"

"นี่เป็นรอยด่างในด้านมืดของ พอล (สโคลส์) ผมไม่ค่อยชอบในสิ่งที่เขาทำเลย ซึ่งก็ไม่ใช่ว่านักเตะที่อายุมากขึ้นจะต้องเป็นนักบุญแต่อย่างใด ทว่า พอล สโคลส์ เล่นได้ไม่ยุติธรรมในหลายต่อหลายครั้ง แน่นอนผมยังจำสิ่งที่เขาทำได้ในบางครั้ง (เวนเกอร์ เคยหัวเสียที่ สโคลส์ เสียบสกัด โฆเซ อันโตนิโอ เรเยส แบบไม่คิด ในรอบรองชนะเลิศฟุตบอล เอฟเอ คัพ เมื่อปี 2004" โค้ชสมองเพชรชาวฝรั่งเศส ทิ้งท้ายกับ "เดอะซัน" สื่อเมืองผู้ดี

"เฟล็ทช์" เปรียบ "สโคลส์" ดั่งควอเตอร์แบ็กผี


ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ ออกโรงยกย่อง พอล สโคลส์ มิดฟิลด์รุ่นพี่เสมือนผู้เล่นในตำแหน่งควอเตอร์แบ็ก ที่คอยบัญชาจังหวะเกมให้ "ผีแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สโมสรดังแห่งพรีเมียร์ลีก อังกฤษ


พอล สโคลส์ เปิดฉากฤดูกาลใหม่ได้อย่างสวยงาม มีส่วนสำคัญในการนำ แมนฯ ยูไนเต็ด บดเอาชนะ "สิงห์บลูส์" เชลซี 3-1 ครองโล่การกุศล คอมมูนิตี ชิลด์ รวมถึงผ่านบอลทีเด็ดให้ ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ กับ ไรอัน กิกส์ ช่วยกันส่อง "สาลิกาดง" นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด 3-0 ในนัดเปิดซีซันพรีเมียร์ลีก 2010/11

จากความยอดเยี่ยมในวัย 35 ปี ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ ถึงกับออกมาเปรียบเปรย สโคลส์ เป็นดั่งควอเตอร์แบ็ก ในกีฬาอเมริกัน ฟุตบอล "เขาเหมือนกับควอเตอร์แบ็ก พอล สามารถควบคุมจังหวะของเกมได้บางทีน่าจะดีกว่าใครทั้งหมดในลีก เขาสามารถเร่งสปีดหรือผ่อนเกมได้ตามที่ต้องการ การผ่านบอลของ พอล ก็ไม่ได้เป็นสองรองจากใคร"

"หลายคนพากันพูดถึงอายุอานามของ พอล (สโคลส์) แต่เขาเป็นนักเตะที่เต็มไปด้วยประสบการณ์ ประสาทสัมผัสและการรับรู้ของเขาเหลือเชื่อจริงๆ เขายังสามารถเป็นกองกลางที่ควบคุมทีมได้ พอล เป็นนักเตะที่ทรงอิทธิพลของ แมนฯ ยูไนเต็ด และก็ผ่านบอลอย่างเฉียบขาดเหมือนกับที่ทำเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา" มิดฟิลด์ชาวสกอตติชทิ้งท้าย

สำหรับ แมนฯ ยูไนเต็ด คืนวันเสาร์มีคิวบุกลอนดอน เยือนถิ่นคราเวน คอทเทจ ของ "เจ้าสัวน้อย" ฟูแลม ซึ่งก็ดูเหมือนว่า เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ยอดกุนซือ "ผีแดง" ติดใจการประสานงานในแดนกลางระหว่าง สโคลส์ กับ เฟล็ทเชอร์ ทำให้ ไมเคิล คาร์ริค รวมถึง กิกส์ ยังต้องนั่งรอโอกาสอยู่บนม้านั่งสำรองต่อไป

เศรษฐีอินเดียเล็งเบ็คส์ซบกุหลาบ


อาห์ซาน อาลี ซีเอด นักธุรกิจชาวอินเดียเผยแผนเรียกคะแนนนิยมด้วยการประกาศว่าพร้อมดึงตัว เดวิด เบ็คแฮม อดีตกัปตันทีมชาติอังกฤษมาร่วมทีม แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส หากการเข้าเทคโอเวอร์ประสบความสำเร็จ

ซีเอด วัย 36 ปี กำลังอยู่ในระหว่างเจรจากับ “กุหลาบไฟ” เพื่อซื้อกิจการสโมสรมาบริหารภายใต้เงินลงทุน 300 ล้านปอนด์ (ประมาณ 15,000 ล้านบาท) พร้อมทั้งเผยในเบื้องต้นว่าจะเจียดงบเสริมทัพในช่วงก่อนปิดตลาดนักเตะช่วงซัมเมอร์นี้ให้ถึง 80-100 ล้านปอนด์ (ประมาณ 4,000-5,000 ล้านบาท)

ล่าสุด มหาเศรษฐีจากแดนภารตะที่อาศัยอยู่ใน บาห์เรน ในเวลานี้แสดงความปรารถนาอยากได้ “เบ็คส์” วัย 35 ปี ซึ่งไม่ได้เล่นให้สโมสรในเมืองผู้ดีเลยนับตั้งแต่ย้ายออกจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อ 7 ปีที่แล้ว โดยมองว่าดาวเตะลอสแองเจลิส กาแล็กซี รายนี้จะช่วยเรียกเรตติงให้กับ แบล็คเบิร์น ได้มาก

ซึ่ง ซีเอด กล่าวเปิดใจผ่านทาง เดลี เมล์ หนังสือพิมพ์ของอังกฤษว่า “ผมเริ่มติดตามฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่ออายุ 26 ปี และตั้งแต่นั้นมาก็ชอบทีม แบล็คเบิร์น รวมทั้งติดตาม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็เพราะชื่นชอบฝีเท้าของ เดวิด เบ็คแฮม”